top of page

เปรียบเทียบข้อสอบวัดทักษะภาษาอังกฤษทั้ง 7 ประเภท ควรสอบอะไรดี?

  • Writer: NOVA Online Thailand
    NOVA Online Thailand
  • Aug 2
  • 2 min read

Updated: Aug 5

ข้อสอบภาษาอังกฤษ 7 ประเภท

เปรียบเทียบข้อสอบวัดทักษะภาษาอังกฤษทั้ง 7 ประเภท เหมือนและต่างอย่างไร แล้วเราควรสอบอะไรดี?

เพราะการสอบวัดทักษะภาษาอังกฤษนั้นถือเป็นก้าวแรกที่ทุกคนต้องเจอเมื่อตัดสินใจจะไปเรียนต่อต่างประเทศ ข้อสอบมาตรฐานจึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยวัดความสามารถของผู้เรียน ไม่ว่าจะเป็นด้านวิชาการหรือภาษาอังกฤษ โดยการวัดทักษะภาษาอังกฤษที่เราคุ้นเคยกันมีทั้ง SAT, ACT, IELTS, TOEFL, GED, Duolingo English Test และ PTE แต่ละข้อสอบมีวัตถุประสงค์ รูปแบบ และการใช้งานที่แตกต่างกัน


วันนี้ NOVA online จะเปรียบเทียบข้อสอบทั้ง 7 ประเภทนี้อย่างละเอียด เพื่อให้น้องๆ เข้าใจความเหมือนและความแตกต่าง พร้อมทั้งนำไปใช้ในการตัดสินใจเลือกข้อสอบที่เหมาะสมกับเป้าหมายของตัวเองกัน!


ลองมาดูภาพรวมของข้อสอบแต่ละประเภทกันสักนิด

ภาพรวมของข้อสอบแต่ละประเภท

1. SAT (Scholastic Assessment Test)


เป็นข้อสอบที่ใช้ในการสมัครเรียนระดับปริญญาตรีหลักสูตรนานาชาติ โดยเน้นทักษะการอ่าน เขียน และคณิตศาสตร์


2. ACT (American College Testing)


ใช้วัดทักษะวิชาการในด้านคณิตศาสตร์ การอ่าน ภาษาอังกฤษ และวิทยาศาสตร์ (รวมถึงส่วนเขียนที่เป็นตัวเลือก) และใช้คะแนนยื่นคะแนนสำหรับสอบเข้าหลักสูตรนานาชาติ


3. IELTS (International English Language Testing System)


เป็นข้อสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ บริหารโดย British Council, IDP และ Cambridge มี 2 แบบคือ Academic (เรียนต่อ) และ General Training (ทำงานหรือย้ายถิ่น) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนต่อหรือทำงานในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ


4. TOEFL (Test of English as a Foreign Language)


ข้อสอบวัดภาษาอังกฤษ บริหารโดย ETS (Educational Testing Service) เน้นทดสอบภาษาอังกฤษสำหรับใช้เรียนต่อต่างประเทศหรือในประเทศหลักสูตรนานาชาติ


5. GED (General Educational Development)


ถือเป็นข้อสอบเทียบวุฒิการศึกษาระดับมัธยมปลายในสหรัฐฯ โดยครอบคลุม 4 วิชา คือ วิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา และภาษา


6. Duolingo English Test


ข้อสอบภาษาอังกฤษออนไลน์รูปแบบใหม่ บริหารโดย Duolingo จุดเด้นคือสะดวก รวดเร็ว และราคาถูกกว่าข้อสอบดั้งเดิม นอกจากนี้ยังได้รับการยอมรับจากสถาบันการศึกษาหลายแห่งทั่วโลก รวมทั้งมหาวิทยาลัยในไทยอีกด้วย


7. PTE (Pearson Test of English)


เป็นข้อสอบวัดภาษาอังกฤษ บริหารโดย Pearson ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ผลออกเร็ว เหมาะสำหรับการเรียนต่อ


เปรียบเทียบความเหมือนและต่างของข้อสอบทั้ง 7 ประเภท

เปรียบเทียบข้อสอบแต่ละประเภท

ถึงแม้ว่าข้อสอบเหล่านี้จะมีเป้าหมายที่แตกต่างกัน แต่ก็มีจุดร่วมที่น่าสนใจ นั่นคือ


เป็นการวัดทักษะพื้นฐาน

โดย SAT, ACT, และ GED เน้นทักษะวิชาการ เช่น การอ่าน การเขียน และการคำนวณ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำหรับการเรียนต่อในระดับปริญญาตรี ส่วน IELTS, TOEFL, Duolingo และ PTE เป็นการวัดทักษะภาษาอังกฤษ 4 ด้าน (ฟัง พูด อ่าน เขียน) ซึ่งจำเป็นสำหรับการสื่อสาร


ได้รับการยอมรับในระดับสากล

การสอบวัดทักษะภาษาอังกฤษทั้ง 7 ประเภทนี้ได้รับการยอมรับจากสถาบันการศึกษาและหน่วยงานต่างๆ ทั่วโลก เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะสอบประเภทไหนก็สามารถนำเทียบเท่ากันได้ โดยขึ้นอยู่กับแต่ละมหาลัยที่นักเรียนยื่นสมัครว่าต้องการใช้ผลสอบวัดระดับภาษาอังกฤษประเภทไหนเป็นหลัก


มีโครงสร้างของข้อสอบที่ชัดเจน

ข้อสอบมีรูปแบบที่แน่นอน เช่น SAT มีส่วน Evidence-Based Reading and Writing และ Math ส่วน IELTS มี Listening, Reading, Writing และ Speaking โดยผู้สอบสามารถเตรียมตัวได้อย่างเป็นระบบจากโครงสร้างนี้


มีการทดสอบการคิดวิเคราะห์

ไม่ว่าจะเป็นการแก้โจทย์คณิตศาสตร์ใน SAT/ACT หรือการเขียน Essay ใน IELTS/TOEFL ข้อสอบเหล่านี้ต้องการให้ผู้สอบใช้ทักษะการวิเคราะห์และแก้ปัญหา ไม่ได้เน้นการท่องจำ


การทำข้อสอบ

โดยข้อสอบของแต่ละประเภทก็จุดเด่นและความแตกต่างที่ชัดเจนกัน เช่น


วัตถุประสงค์และกลุ่มเป้าหมาย
  • SAT และ ACT : เน้นนักเรียนมัธยมปลายที่ต้องการสมัครเรียนต่อระดับปริญญาตรี โดย SAT เหมาะสำหรับคนที่ถนัดการวิเคราะห์เชิงลึก ส่วน ACT เหมาะกับคนที่ชอบการทดสอบที่หลากหลาย (เช่น มีวิทยาศาสตร์)

  • IELTS และ TOEFL: กลุ่มเป้าหมายคือผู้ที่ต้องการเรียนต่อหรือทำงานในต่างประเทศ

  • GED: ข้อสอบออกแบบมาเพื่อผู้ที่ต้องการเทียบวุฒิมัธยมปลาย ไม่ได้เน้นการเรียนต่อระดับสูงโดยตรง

  • Duolingo และ PTE: เหมาะสำหรับน้องที่ต้องการทดสอบความรู้ทางด้านภาษาอังกฤษอย่างรวดเร็วและสะดวกเพราะสอบกับคอมพิวเตอร์


รูปแบบและวิธีการสอบ
  • SAT: มีทั้งแบบกระดาษและดิจิทัล ไม่มีการทดสอบการพูด ระยะเวลาสอบประมาณ 3 ชั่วโมง

  • ACT:  มีทั้งกระดาษและออนไลน์ มีพาร์ทวิชาวิทยาศาสตร์และการเขียน (ตัวเลือก) ระยะเวลาสอบอยู่ที่ 3-3.5 ชั่วโมง

  • IELTS: มีทั้งรูปแบบกระดาษและคอมพิวเตอร์ มีพาร์ททดสอบการพูดและการฟัง ระยะเวลาสอบอยู่ที่ 2 ชั่วโมง 45 นาที

  • TOEFL: สอบออนไลน์เป็นหลัก การพูดบันทึกผ่านไมโครโฟน ระยะเวลาสอบอยู่ที่ 3-4 ชั่วโมง

  • GED: สอบ 4 วิชา (สามารถสอบแยกได้)

  • Duolingo: เป็นการสอบออนไลน์ 100% สามารถสอบที่บ้านได้ มีคำถามแบบโต้ตอบ เช่น การพูดสั้นๆ หรือเติมคำ ระยะเวลาสอบประมาณ 1 ชั่วโมง

  • PTE: เป็นการสอบออนไลน์ รูปแบบการสอบเป็นการรวมทักษะภาษาในรูปแบบผสม (เช่น พูดและเขียนพร้อมกัน) ระยะเวลาสอบประมาณ 2-3 ชั่วโมง


เปรียบเทียบระดับความยากของข้อสอบแต่ละประเภท
  • SAT และ ACT: ความยากอยู่ในระดับปานกลางถึงสูง ข้อสอบเน้นความเร็วและการวิเคราะห์ เหมาะกับคนที่คุ้นเคยกับระบบการศึกษาแบบอเมริกัน

  • IELTS และ TOEFL: ความยากขึ้นอยู่กับระดับภาษาของผู้สอบ

  • GED: ความยากอยู่ในระดับมัธยมปลายทั่วไป ต้องเตรียมตัวสอบหลายวิชา

  • Duolingo: ความยากระดับปานกลาง แต่การตอบข้อสอบต้องตอบภายในเวลาที่จำกัด

  • PTE: ความยากใกล้เคียง IELTS


ระดับคะแนนสอบของการสอบแต่ละประเภท

·   SAT: 400-1600 คะแนน (แบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก: Reading/Writing และ Math)

·   ACT: 1-36 คะแนน (เฉลี่ยจาก 4 ส่วนหลัก)

·   IELTS: 0-9 แบนด์ (เฉลี่ยจาก 4 ทักษะ)

·   TOEFL: 0-120 คะแนน (30 คะแนนต่อทักษะ)

·   GED: 100-200 คะแนนต่อวิชา (ต้องผ่าน 145)

·   Duolingo: 10-160 คะแนน

·   PTE: 10-90 คะแนน


แล้วเราควรสอบประเภทไหนดี จำเป็นต้องสอบครบทุกประเภทไหม?

ควรเลือกสอบภาษาอังกฤษยังไง

ไม่ว่าจะเป็นการสอบ SAT, ACT, IELTS, TOEFL, GED, Duolingo และ PTE ต่างก็มีจุดเด่นและวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน ความเหมือนกันอยู่ที่การวัดทักษะพื้นฐานและการยอมรับในระดับสากล แต่ความแตกต่างในด้านรูปแบบ ระยะเวลา และการให้คะแนนทำให้แต่ละข้อสอบเหมาะกับบริบทที่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้คะแนนสอบนั้นสำหรับอะไร และเราก็ไม่จำเป็นต้องสอบครบทุกประเภท แต่หากต้องการวัดทักษะของตัวเองอย่างรอบด้านก็อาจเป็นผลดีกับน้องๆ เช่นกัน การเลือกข้อสอบที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับเป้าหมายส่วนตัวของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นการเรียนต่อ หรือการพัฒนาตัวเอง การเตรียมตัวอย่างดีและเข้าใจลักษณะของข้อสอบจะช่วยให้น้องประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน



เตรียมตัวอย่างไรก่อนลองสอบสนามจริง?

เตรียมตัวสอบภาษาอังกฤษ

การฝึกฝนบ่อยๆ หมั่นทำข้อสอบ ทำแบบฝึกหัดเพื่อสร้างความคุ้นชินเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเตรียมตัวให้พร้อมสอบอย่างมั่นใจ และยังช่วยให้เราได้ซ้อมก่อนลองสนามจริง เป็นผลดีต่อการจัดการเวลาของตัวเองก่อนสอบไปในตัว

  • ลองลงคอร์สเรียนพูดอังกฤษออนไลน์ ที่เรียนเมื่อไร จากที่ไหนก็ได้กับ NOVA online

  • ลองดูแบบฝึกหัดที่ช่วยให้น้องๆ ได้ฝึกทักษะภาษาอังกฤษจาก Twinkl Thailand มีสื่อการเรียนรู้และแบบฝึกหัดสำหรับฝึกทักษะภาษาอังกฤษได้ดียิ่งขึ้น รวมทุกพาร์ทต่างๆ ของการทดสอบภาษาอังกฤษ เช่น


ดาวน์โหลดสื่อการสอนภาษาอังกฤษฟรีที่นี่

ดาวน์โหลดสื่อการเรียนการสอนฟรีจาก twinkl

เพื่อเตรียมตัวสอบวัดทักษะภาษาอังกฤษอย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เรื่องของสำนวนภาษาอังกฤษหรือ Idioms ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน หากรู้สำนวนมากขึ้นก็เพิ่มความคุ้นเคยและทำความเข้าใจข้อสอบได้เร็ว ประหยัดเวลาในการตีความและทำข้อสอบได้ทันมั่นใจยิ่งขึ้น 




สื่อทั้งหมดนี้สามารถนำไปใช้ได้ทั้งในห้องเรียนและที่บ้านได้ฟรี เพียงแค่ดาวน์โหลดไฟล์จากหน้านี้ คุณครูและผู้ปกครองจะได้รับไฟล์สื่อการสอน Idioms Pack ทั้งหมด 4 ไฟล์ คือ 



⭐️หากคุณกำลังมองหาบทความภาษาอังกฤษและแบบฝึกหัดภาษาอังกฤษเพื่อฝึกฝนด้วยตัวเอง อย่าพลาดเป็นสมาชิกกับ Twinkl เพื่อดาวน์โหลดแบบฝึกหัดแบบ unlimited ฝึกทักษะได้ทุกที่ทุกเวลา! เข้าถึงสื่อการสอนอื่นๆ จาก Twinkl


เรียนพูดอังกฤษออนไลน์

👉และถ้าอยากฝึกพูดประโยคภาษาอังกฤษให้คล่อง ออกเสียงให้เป๊ะ เพิ่มการฝึกสนทนาจริง ๆ ลองเรียนกับครูผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาษาอังกฤษที่ NOVA online ได้เลย! เรามีคอร์สสำหรับทุกวัย อีกทั้งยังได้ฝึกในสถานการณ์จริงและบทสนทนาในชีวิตประจำวันอีกด้วยนะ


บรรยากาศการเรียนจะเป็นยังไง? ลองดูตัวอย่างหรือรีวิวคอร์สเรียนจริงก่อนได้นะ



ทำไมต้อง NOVA online ?


  • สถาบันระดับ TOP ของญี่ปุ่น ปรับหลักสูตรเพื่อคนไทยโดยเฉพาะ

  • สอนโดย Professional Teacher คัดเลือกและอบรมอย่างดี

  • พร้อมให้คำแนะนำ พัฒนาภาษาอังกฤษได้ตรงจุด

  • คอร์สเรียนพูดอังกฤษ ออนไลน์ สะดวก เรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา

  • เลือกคอร์สให้ตอบโจทย์ได้ตามไลฟ์สไตล์


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม







contact
Line Add button @novaonlineth
bottom of page